BigFix 11 ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในหลายด้าน
โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยและฟีเจอร์ใหม่ๆ
ที่ช่วยให้การจัดการระบบมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนี้:
1. การปรับปรุงด้านความปลอดภัย
- OpenSSL 3:
BigFix 11 ใช้ OpenSSL 3.1.1 เพื่อให้การสื่อสารทางเครือข่ายมีความปลอดภัยสูงสุด
โดยกำหนดให้ใช้ TLS 1.2 เป็นโปรโตคอลขั้นต่ำและไม่สนับสนุน
SHA-1 สำหรับการยืนยันการสื่อสาร
- SHA-384: ใช้ SHA-384 เป็นอัลกอริธึมการเข้ารหัสในการสื่อสาร
TLS และการกระทำทั้งหมดของ BigFix เพิ่มความมั่นคงในการรักษาความปลอดภัย
- TLS 1.3: รองรับ TLS 1.3 สำหรับการสื่อสาร HTTPS ช่วยให้การติดต่อสื่อสารมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
2. ฟีเจอร์ใหม่
- BigFix
Explorer: เป็นส่วนประกอบใหม่ที่ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูล BigFix
ผ่าน REST API ง่ายขึ้น
โดยออกแบบมาเพื่อแยกฐานข้อมูลออกจาก BigFix Console และ
Web Reports
- Microsoft
Entra ID: สนับสนุนการใช้ Microsoft Entra ID (เดิมคือ Microsoft Azure AD) เพื่อให้สามารถใช้
Single-Sign-On และ Multi-Factor-Authentication
ได้
- การตรวจสอบ
IPv6:
ตรวจสอบการทำงานของ BigFix Platform ในสภาพแวดล้อม
IPv6 เพียงอย่างเดียว และการกำหนดค่าร่วมกันระหว่าง IPv6
และ IPv4
- การอัปเดต
Inspector:
เพิ่มประเภท Client Inspector ใหม่เช่น
"large integer" และ "uinteger"
เพื่อรองรับการตรวจสอบจำนวนเต็มที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและ unsigned
integers
3. การปรับปรุงความสามารถในการจัดการ
- Archive
Manager: มี REST APIs ใหม่ที่ช่วยให้การจัดการไฟล์ที่อัปโหลดได้ดียิ่งขึ้น
รวมถึงการปรับแต่งนโยบายการทำความสะอาดไฟล์
- ปลั๊กอิน
VMware:
ฟังก์ชันการตรวจสอบและคำสั่งการกระทำได้รับการปรับปรุงเพื่อให้สามารถจัดการระบบโฮสต์และระบบผู้ใช้ได้ดีขึ้น
4. การสนับสนุนแพลตฟอร์มใหม่
- BigFix Relay:
รองรับบน Amazon Linux 2023 และ Rocky
Linux 9
- BigFix Agent:
รองรับ OpenSUSE Leap 15.6 และระบบปฏิบัติการใหม่ๆ
เช่น Windows 11 23H2 และ 24H2
5. การอัปเกรดห้องสมุดและไดรเวอร์
- jQuery: อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 3.7.1
- OpenSSL: อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 3.1.5
- libcURL: อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 8.6.0
- Microsoft
ODBC Driver: อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 17.10.5.1
BigFix 11 มาพร้อมกับการอัปเดตด้านความปลอดภัยที่สำคัญ
ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ช่วยปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูล การจัดการระบบ
และการสนับสนุนแพลตฟอร์มใหม่
ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและรักษาความปลอดภัยของระบบได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดห้องสมุดและไดรเวอร์ที่สำคัญเพื่อรองรับฟังก์ชันการทำงานใหม่
ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ BigFix 11 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการจัดการระบบที่มีความซับซ้อนและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัย.